ที่เที่ยวยูกันดา ยูกันดา ประวัติ เป็นอย่างไร?
ที่เที่ยวยูกันดา ประเทศแห่งนี้ตั้งอยู่ทางแอฟริกาตะวันออก มีพรมแดนตะวันออกติดกับเคนย่า ทางเหนือติดกับซูดานใต้ ทางตะวันตกติดกับสาธารณรัฐคองโก ทางตะวันตกเฉียงใต้ติดกับประเทศรวันดา และทางใต้ติดกับประเทศแทนซาเนีย ที่มาของชื่อประเทศนั้น มาจากชื่อดั่งเดิมของอาณาจักรบูกันดา ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมทางใต้ของประเทศ รวมถึงเมืองหลวงอย่าง กัมปาลา
นอกจากนี้ยังมีอาณาจักรอื่นๆ ที่อยู่อาศัยในดินแดนแห่งนี้อย่าง อาณาจักรโตโร , อาณาจักรบุนโยโร – กิตารา , อาณาจักรโบโซกา , อาณาจักรอันโกเล , อาณาจักรรเวนซูรูรู เมืองหลวงเก่าของประเทศอย่าง เอนแทบบี
ปัจจุบันได้เป็นที่ตั้งของสนามบินแห่งชาติยูกันดานั้นเอง ในอดีตนั้นประเทศแห่งนี้ ได้ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1893 จากข้อตกลงของกษัตริย์ Buganda ที่เป็นเผ่าทรงอิทธิพลมาก ในพื้นที่บริเวณนี้รวมถึงเป็นรัฐอารักขาของอังกฤษ
ด้วยสินค้าจากแอฟริกาเป็นที่ต้องการอย่างมากของยุโรป รวมถึงการค้าในแถบนี้ต่างเป็นที่น่าจับตา ของประเทศมหาอำนาจในยุโรป ทำให้ชาวตะวันตกจำนวนมาก ต่างเดินทางมาตั้งรกรากในดินแดนนี้ จำนวนมากเพื่อมาแสวงโอกาส ในการทำการค้านั้นเอง
หลังจากการเข้ามาของคนผิวขาว ทำให้อำนาจท้องถิ่นอย่างระบบชนเผ่า เกิดความขัดแย้งกันในเรื่องการจัดตั้ง สหพันธรัฐแอฟริกาตะวันออก ซึ่งจะเป็นการรวมรัฐต่างๆ รวมถึงอดีตอาณานิคมอย่างอังกฤษ ต่างให้การสนับสนุนนั้นเอง แต่ทว่าผู้นำอย่าง Buganda
ได้ขัดค้านข้อเสนอนี้ และต้องการแยกตัวออกเป็นประเทศเอกราช เพราะเกรงใจคนขาวในเคนย่า จะมีอิทธิพลมากกว่ายูกันดา ด้วยมตินี้เองทำให้เกิดความไม่พอใจ กับชนเผ่าอื่นๆที่ร่วมสภาแห่งนี้ จนกระทั่งต่อมาอังกฤษได้ยกเลิกอาณานิคมในแอฟริกา
ประเทศในแถบนี้จึงได้รับเอกราชกัน รวมถึงยูกันดาด้วยนั้นเอง ประเทศได้มีรัฐธรรมนูธครั้งแรกที่กำหนดให้ยูกันดาเป็นสหพันธรัฐ แต่ทว่าการเมืองภายในประเทศ หลังจากที่ได้รับเอกราชแล้ว ทำให้เกิดความขัดแย้งและเกิดการ
ทำรัฐประหารประธาณาธิบดีหลายหน โดยเฉพาะการก้าวขึ้นมามีอำนาจอย่าง นายอิดี้ อามิน เมื่อวันที่ 3 สิงหารคม ค.ศ. 1972 ทำให้ประเทศเริ่มเข้าสู่ขาลง อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประชาชนในประเทศต้องทน กับการกดขี่จากการปกครองของเขา
และเกิดสงครามกลางเมือง ที่ต่อสู้กันเป็นเวลากว่า 20 ปีเลยทีเดียว ทำให้ประเทศนั้นบอบช้ำเป็นอย่างมาก จากการบริหารประเทศของนาย อิดี้ อามิน ภายหลังเขาได้หมดอำนาจลงไปแล้ว รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาแก้ไข ปัญหาที่ถูกทิ้งเอาไว้จากรุ่นก่อนๆ ทำให้ประเทศแห่งนี้ค่อยๆฟื้น จากความอดยากนั้นเอง
ที่เที่ยวยูกันดา ความสำคัญอย่างไรกับอาณานิคมอังกฤษ?
ในอดีตนั้นเองจากการบุกเบิก เส้นทางเดินเรือที่มีการอ้อมแหลม ทางใต้ของทวีปแอฟริกาเพื่อที่ เดินทางไปยังทวีปเอเชีย ทำให้ดินแดนทางแอฟริกาตะวันออก เป็นจุดหลักของการแลกเปลี่ยนสินค้า รวมถึงเป็นดินแดนศูนย์กลางทางการค้า ของทวีปแอฟริกาเลยทีเดียว เพราะการเดินทางจากเอเชียไปยุโรป หรือยุโรปเดินทางไปเอเชียนั้น จะต้องผ่านเส้นทางนี้เท่านั้น
สำหรับการเดินทางทะเลนั้นเอง ก่อนที่อังกฤษจะเข้ามามีอิทธิพลในดินแดน แอฟริกาตะวันออกนั้น ประเทศแรกที่เข้ามาตั้งรกราก รวมถึงค้าขายในดินแดนแห่งนี้ นั้นก็คือชาวดัตซ์หรือประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มาตั้งอาณานิคมในดินแดนแห่งนี้
จนค้นพบทองคำจำนวนมาก รวมถึงทรัพยากรมากมายที่มาจากของป่า อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่เหมาะแก่การ ทำการเกษตรเพาะปลูกสินค้าต่างๆ ที่ได้รับความนิยมจากยุโรปอย่างเช่นเมล็ดกาแฟนั้นเอง หลังจากที่ชาวดัตซ์เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ในดินแดน
ด้วยมหาอำนาจอย่างอังกฤษต้องการคานอำนาจ เนธอร์แลนด์ด้วยการเข้ามามีอิทธิพลในบริเวณนี้ และคอยให้การสนับสนุนชนเผ่าต่างๆ ให้ขับไล่เจ้าอาณานิคมเดิมอย่างเนเธอร์แลนด์ ออกจากดินแดนแห่งนี้ได้สำเร็จ จนกระทั่งอังกฤษได้แทรกซึมจน
สามารถปกครองดินแดนแห่งนี้ได้นั้นเอง ผลประโยชน์ของอังกฤษที่ได้ครอบครองดินแดนแห่งนี้ สามารถกอบโกยรายได้ไปอย่างมหาศาล จากการเป็นศูนย์กลางทางการค้า ทางด้านแอฟริกาตะวันออก นับว่าเป็นจุดพักการเดินทางไปเอเชีย
ที่ถือว่ามาถึงครั้งทางแล้วนั้นเอง อีกทั้งอังกฤษยังได้ค้นพบสิ่งของต่างๆ รวมถึงความนิยมในการล่าสัตว์ในดินแดนแห่งนี้ ทำให้ยุคเวลานั้นเองแอฟริกา ได้รับวัฒนธรรมชาวตะวันตกเข้าไปจำนวนมาก รวมถึงการค้าทาส ที่ถูกเกณฑ์คนไปกว่านับล้านเลยทีเดียว นับว่าเป็นดินแดนอีกแห่ง ที่สร้างผลประโยชน์ให้กับอังกฤษมาอย่างยาวนานนั้นเอง
ยูกันดาสถานที่ท่องเที่ยว เป็นอย่างไร?
ประเทศแห่งนี้พาให้เรานึกถึงบรรยากาศ ทุ่งหญ้าซาฟารีที่ใครหลายคน อาจจะเคยเห็นในหนังหรือสื่อต่างๆ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติและเรื่องราวประวัติศาสตร์ ชวนให้ประเทศแห่งนี้มีการท่องเที่ยว ที่มีความน่าสนใจและเป็นอีกประเทศหนึ่ง ในแอฟริกาตะวันออกที่ให้บรรยากาศซาฟารีนั้นเอง สถานที่ท่องเที่ยวแรกคือ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเมอร์ชิสัน ( Murchison Fall Nation Park )
อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ใน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูกันดา ถูกขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานเมื่อปี ค.ศ.1952 แม่ขนาดใหญ่ที่สุดของแม่น้ำไนล์ น้ำตกแห่งนี้มีความสวยงามอย่างมาก ด้วยน้ำที่ตกลงมามีสีขาว ราวกับเป็นหิมะที่ตกลงมาจากฟ้านั้นเอง
อีกทั้งหน้าผาสีดำทั้งสองข้างแม่น้ำไนล์ ความงดงามของน้่ำตกแห่งนี้ ทำให้อุทยานเมอร์ชิสันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อีกแห่งหนึ่งของการพักผ่อน และสัมผัสกับธรรมชาติที่สร้าง ความสมบูรณ์แบบให้กับธรรมชาติแห่งนี้ ระบบนิเวศแห่งนี้ยังอุดมสมบูรณ์
ไปด้วยสัตว์ป่านาๆชนิดที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ที่แห่งนี้นับว่ามีสัตว์สายพันธุ์ที่ หาไม่ได้ในโลกแล้วนั้นเอง สถานที่ต่อไปคือ สุสานคาสุบิ ( Kasubi Tomb ) สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของกษัตริย์ ตั้งอยู่บนเนินเขากาบูซีในเมืองกัมปา หลุมฝังพระศพแห่งนี้เป็นที่กับรวบรวม
พระศพของราชวงค์บูกันดา ปัจจุบันเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา ในวันพิธีสำคัญนั้นเอง ที่แห่งนี้มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม อันเป็นเอกลักษณ์ในแบบอารยธรรมของยูกันดานั้นเอง การประดับตบแต่งของที่นี้นั้น แสดงให้เห็นถึงความเจริญทางอารยธรรมรวมถึงศิลปกรรมฝาผนัง
ที่เกิดจากการแกะสลักเป็นรูปภาพ ตล้ายกับอารยธรรมของอียิปต์ ที่แกะสลักรูปภาพกำแพงบอกเล่าเรื่องราว จึงทำให้สุสานแห่งนี้มีความน่าสนใจ ในแง่ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี อันเป็นของเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของประเทศนี้เลยทีเดียว
เราไปกันต่อที่ ทิวเขารูเวนโซรี ( Ruwenzori Range ) ทิวเขาแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทอดยาวไปตามแนวชายแดนของ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มียอดเขาสูงเรียงกันถึง 9 ลูก มีตำนานที่กล่าวถึงทิวเขาแห่งนี้ว่า “ทิวเขาแห่งดวงจันทร์ของชาวกรีก”
ที่แห่งนี้มีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ลงไปยังหุบเขาและละลายกลายเป็น แม่น้ำต่างๆอันเป็นต้นกำเนิดของชีวิตนั้นเอง วิวธรรมชาติของที่นี้มีความงดงาม แวดล้อมไปด้วยยอดเขาต่างๆและอากาศที่หนาวเย็น จากจุดความสูงที่ทำให้เราสัมผัส
กับบรรยากาศความหนาวได้เป็นอย่างดีนั้นเอง สถานที่สุดท้ายคือ อุทยานแห่งชาติทะเลสาบมบูโร ( Lake Mburo National Park ) อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทางหลวง ที่เชื่อมกับสวนสาธารณะของเมืองกัมปาลา ที่แห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก
เป็นทะเลสาบที่ชุ่มน้ำปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสะวันนา มีป่าไม้เขียวชอุ่มสลับกับแนวหิน ที่เต็มไปด้วยซอกเขาสลับกัน อีกทั้งอุทยานแห่งนี้ มีสัตว์ป่ามากมายกว่า 350 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นช้างแอฟริกา ม้าลาย และนกนั้นเอง นับว่าที่แห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ ในแง่ระบบนิเวศนั้นเอง สถานที่ท่องเที่ยวในยูกันดาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่ทำให้ประเทศแห่งนี้เป็นเหมือน ดินแดนแห่งซาฟารีนั้นเอง
ปัจจุบันยูกันดาเป็นอย่างไรบ้าง?
หลังจากที่ประเทศ พ้นการปกครองของ จอมเผด็จการอย่างอิดี้ อามิน ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ภายในประเทศมาหลายสิบปั ปัจจุบันนั้นประเทศค่อยๆฟื้น จากปัญหาความอดยากภายในประเทศ จากความช่วยเหลือของ UN หรือความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันนั้นเอง ในอดีตนั้นจากที่เคยเป็นภูมิภาค ย่านการค้าขนาดใหญ่ในภูมิภาค ทางตะวันออกของแอฟริกา
ปัจจุบันยังคงเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบ ซัพพลาย ให้กับประเทศใหญ่ๆในยุโรปนั้นเอง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอาณานิคมของอังกฤษ แต่ก็ทำให้เป็นคู่ค้า ทางเศรษฐกิจ รวมถึงการช่วยเหลือทางการเงินอยู่เป็นเนื่องๆนั้นเอง ปัจจุบันได้มีการเร่ง พัฒนาการท่องเที่ยว อันเป็นเศรษฐกิจหลักอีกอย่างหนึ่ง ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทาง มาชมความสวยงามของประเทศนั้นเอง
สรุปการท่องเที่ยวยูกันดาเป็นอย่างไร?
เป็นดินแดนแห่งซาฟารีอีกแห่งหนึ่ง ในแอฟริกาที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเหมาะสำหรับ การท่องเที่ยวสายผจญภัย ที่ชื่นชอบลุยไปกับทุ่งหญ้าขนาดใหญ่นั้นเอง นอกจากนี้ประเทศแห่งนี้ยังอุดมไปด้วย ธรรมชาติมากมายและสัตว์ป่าหลากชนิด อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์อันเป็นรากฐาน ทางสังคมของประเทศ รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงรากเง้าทาง วัฒนธรรมของยูกันดานั้นเอง
นับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของ การท่องเที่ยวในยูกันดา เลยทีเดียว หากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในแบบซาฟารี จะต้องประทับใจในการท่องเที่ยว ของยูกันดานั้นเอง จึงทำให้มองว่า ยูกันดา เป็นประเทศที่รอดพ้นจากความอดยาก
จากภัยสงครามกลางเมืองในอดีต รวมทั้งระบอบการปกครอง ของผู้นำที่โหดร้ายมาอย่างยาวนานนั้นเอง แต่ปัจจุบันนั้นได้พลิกฟื้นจากความอดยาก และกำลังพัฒนาประเทศไปสู่ สังคมประชาคมโลกภายนอก จากความร่วมมือของนานาชาติ
ที่เข้ามาช่วยเหลือประเทศแห่งนี้ ให้พลิกฟื้นกับมาอีกครั้งนั้นเอง นอกจากนี้ประเทศแห่งนี้ยังอุดมไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงธรรมชาติของป่าเขา ภายในประเทศที่เป็นมรดกทางธรรมชาติ ที่ตกทอดมาสู่ปัจจุบันนั้นเอง