มอลโดวา pantip ประวัติ เป็นอย่างไร?
มอลโดวา pantip ประเทศแห่งนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีพรมแดนติดกับประเทศโรมาเนีย ทางทิศตะวันตก และยูเครนทางทิศตะวันออก โดยมีแม่น้ำกั้นพรมแดนโรมาเนียคือ แม่น้ำพรุต ( Prut River ) และแม่น้ำดานูบ ( Danube River ) เดิมทีในอดีตรัฐมอลโดวา เป็นพื้นที่เพียงขนาดเล็ก และถูกผนวกรวมเข้ากับยูเครนและโรมาเนีย ในช่วงสมัยที่ออสเตรีย – ฮังการี
เป็นมหาอำนาจในแถบนี้ ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 ชาวเติร์กหรือชาวตุรกีในปัจจุบันนั้น ได้แผ่นขยายอำนาจมายังยุโรป ตอนกลางหลังจากที่ได้ยึดครอง เมืองคอนสแตนตินอันเป็นเมือง ของชาวคริสต์ที่ยิ่งใหญ่ในอดีตและยังเป็นศูนย์กลางอำนาจ
ของยุโรปในตอนนั้นอีกด้วย โดยชาวเติร์กนั้นสามารถ ยึดดินแดนตอนกลางของยุโรป และได้รวมรัฐมอลโดวา เข้าไปรวมกับจักรวรรดิรัสเซีย ในปี ค.ศ.1812 หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายสู้รบกัน ในสงครามไครเมีย ทำให้จักรวรรดิรัสเซียต้องเสียดินแดน
มอลโดวาให้กับโรมาเนียกลับคืนมาอีกครั้ง จากนั้นจักรวรรดิรัสเซียเอง ได้เสียดินแดนให้กับโรมาเนียเพิ่ม ในการอ้างสิทธิ์ครอบครองดินแดน เบสเซเรเบีย ที่มีพรมแดนติดกับยูเครนนั้นเอง จนกระทั่งเข้าสู่ยุุคสมัยของสงครามเย็น
สหภาพโซเวียตเองได้เริ่มกดดัน ตรงชายแดนโรมาเนียเ เพื่อที่ต้องการดินแดนคืน จากโรมาเนียในอดีตที่ได้ดินแดนไป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเอง แต่ทว่าหลังจากสหภาพโซเวียต ได้มอลโดวากลับคืนมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องถูกโรมาเนียยึดครอง
ในจังหวะที่กองทัพนาซีบุกโซเวียตนั้นเอง จนในที่สุดนั้นหลงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐแห่งนี้ก็ได้ตกไปเป็นของสหภาพโซเวียต อย่างเป็นทางการ โดยที่ทางโรมาเนียเอง ต้องยอมยกให้โดยไร้เงื่อนไข และมอลโดวาเองได้รับ
การปกครองและการนำแนวคิด ความรู้ในแบบสังคมนิยม และต้องการเปลี่ยนใ้มอลโดวา เป็นระบบการปกครองแบบรัสเซีย ( Russianfication ) จนมาในช่วงปี ค.ศ. 1986 โซเวียตได้มีนโยบายกลัสนอร์ต ( Glasnost ) และต่อมาในปี ค.ศ. 1989
เริ่มมีการแยกตัวของมอลโดวา โดยที่โซเวียตเอง ได้ยอมรับภาษามอลโดวา เป็นภาษาราชการแทนภาษารัสเซีย จากการรวมตัวกันของคนในประเทศ ได้ผลักดันให้ปี ค.ศ. 1990 นาย Mircea Druc นักเศรษฐศาสตร์ชาวมอลโดวา
ได้ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้มีแผนปฎิรูปเศรษฐกิจ การปกครองต่างๆโดยปฎิรูปใหม่ จนกระทั่งในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน รัฐสภามอลโดวาได้ประกาศเอกราช และทำการร่างรัฐธรรมนูธของตนเอง และมีการเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังออก ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1991 จากนั้นไม่นานมอลโดวาเอง ได้มีกองกำลังแห่งชาติปกป้องตนเอง แทนที่ทหารโซเวียตนั้นเอง
มอลโดวา pantip มอลโดวามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับประเทศในยุโรปตอนกลาง
ดินแดนในยุโรปตอนกลาง ปัจจุบันได้แตกออกมาเป็นหลายประเทศ โดยที่ในอดีตนั้นประเทศที่แตกออก ส่วนใหญ่จะเป็นรัฐๆหนึ่งที่เคยอยู่ใต้ การปกครองของประเทศมหาอำนาจ ในแต่ละยุคนั้นเอง อย่างมอลโดวานั้นเองที่ ได้ผ่านช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ยุคกลางเลยทีเดียว ที่ดินแดนในยุโรปตอนกลางนั้น ถูกรุกรานโดยชาวเติร์ก ที่มาจากดินแดนตะวันออกกลาง
หลังจากการยึดครองของชาวเติร์ก ทำให้ดินแดนแห่งนี้ ได้รับศิลปะของทางโลกตะวันออก และทางตะวันตกมาผสมผสานกัน ทำให้ผู้คนในรัฐแห่งนี้ จึงมีลักษะหลายเชื้อชาติเลยทีเดียว ด้วยที่ตั้งของมอลโดวาที่ถือได้ว่า
เป็นพรมแดนขั้นกลางประเทศอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบนั้นเอง จึงทำให้มอลโดวาเป็นที่หมายตา ของประเทศรอบข้างที่ต้องการ ขยายอำนาจขึ้นไปยังยุโรปตอนบนนั้นเอง มอลโดวาได้ตกอยู่ภายใต้การปกครอง จากหลายชนชาติและประเทศ
มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งหลังสหภาพโซเวียต ล้มสลายไปทำให้ประเทศต่างๆ ที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองหรือถูกกดขี่ จากสหภาพโซเวียตได้แตกออกเป็นประเทศเล็กๆ ที่ได้รับเอกราชตามความต้องการ ของประชาชนในประเทศนั้นๆ
จึงทำให้มอลโดวานั้น มีมรดกทางวัฒนธรรมจากช่วงเวลาในอดีต ที่ได้ส่งผ่านมาถึงปัจจุบัน ผ่านสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างในประเทศ ที่ตั้งตระหง่าบ่งบอกที่มาของพวกเขาในอดีต นับว่าเป็นประเทศเล็กๆแห่งนี้ มีความน่าสนใจในแง่ของศิลปะวัฒนธรรม ที่มีความเชื่อมโยงกันในดินแดน ยุโรปตอนกลางนี้นั้นเอง
มอลโดวาสถานที่ท่องเที่ยว มีอะไรบ้าง?
ประเทศมอลโดวาถึงแม้จะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็แฝงไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว อันสุดแสนคลาสสิคที่ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของประเทศ หรือแม้กระทั่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ในช่วงฤดูหนาวนั้นหิมะ จะปกคลุมไปทั่วไปทั้งพื้นที่ รวมถึงภูเขาด้วยนั้นเอง ดินแดนแห่งนี้เปรียบดั่ง ในนิยายยุคกลาง ที่มีสิ่งก่อสร้างป้อมปราการต่างๆ เพื่อปกป้องประเทศนี้มาอย่างยาวนานนั้นเอง
สถานที่แรกคือ สำนักสงฆ์คาปริอานา ( Capriana Monastery ) ที่แห่งนี้เป็นสำนักสงฆ์ ของศาสนาคริสต์ที่เก่าแก่ ในภูมิภาคบาซาราเบีย ( Basarabia ) นั้นคือดินแดนทางตะวันออก ของยุโรป นั้นเอง สำนักแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ
แม่น้ำอิสโนวัต ( Isnovat River ) อยู่ห่างจากเมืองหลวง ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือถึง 35 กิโลเมตร รูปแบบสถาปัตยกรรม การก่อสร้างได้รับอิทธิพลมาจาก ไบเซนไทน์ ที่ด้านบนของโบสถ์จะเป็นโดม ที่เหมือนกับทางฝั่งของอิสลามนั้นเอง
จุดเด่นของโบสถ์ในดินแดนแถบนี้ จะเป็นลักษณะโดมกันทั้งหมด เพราะด้วยนิยายออร์ทอดอกซ์ มีสไตล์การก่อสร้างโบสถ์เป็นของตัวเอง ด้านในของสำนักสงฆ์นั้น เต็มไปด้วยปติมากรรมฝาผนัง ที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่
รวมไปถึงรูปปั้นนักบุญต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในอดีตและรูปปั้นพระเยซูด้วยนั้นเอง สถานที่ต่อไปคือ ป้อมปราการโซโลก้า ( Soroca Fortress ) ป้อมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคกลาง ช่วงสมัยของพระเจ้าสเตฟานมหาราช ( Stephen the Great )
ตั้งอยู่ตามแนวของแม่น้ำนีสเตอร์ ( Nistru River ) ป้อมแห่งที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง โซโรกา ( Soroca ) อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปราว 150 กิโลเมตร ป้อมปราการแห่งนี้จุดเด่นคือ เป็นลักษณะฐานวงกลม โดยมีหอรบถึง 5 หอ มีขนาดระยะที่เท่ากัน
ป้อมแห่งนี้มีความแข็งแกร่ง และทนทานมาหลายศตวรรษ ด้วยวัสดุที่ใช้สร้างนั้นทำจากหิน ตามแบบฉบับในยุคกลางนั้นเอง เราสามารถเที่ยวชมป้อมแห่งนี้ได้โดยรอบ อาจจะใช้เวลาในการเดินชมนานซะหน่อย เพราะที่แห่งนี้มีความกว้างใหญ่
และเป็นที่เก็บสะสมอาวุธโบราณ ที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันนั้นเอง เราไปกันต่อที่ เขตประวัติศาสตร์ออร์เฮ ( Old Orhei ) เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งโบราณคดีที่อยู่ท่ามกลาง ธรรมชาติป่าเขาที่ล้อม สถานที่ทางประวัติศาสตร์
อันเป็นหลักฐานในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตออร์เฮ ( Orhei ) อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 60 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้เป็น อารยธรรมที่หลงเหลือ จากยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่เคยเป็นโรงอาบน้ำ ถ้ำ อาราม
และป้อมปราการเก่าแก่ อันเป็นจุดชมวิวที่สวยอย่างมาก อีกทั่งยังได้ชมเศษซากอารยธรรมโบราณ เป็นบรรยากาศที่ดีเป็นอย่างมาก ที่แห่งนี้จึงเป็นเหมือน พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งนั้นเอง สถานที่สุดท้ายคือ ภาดูเรียโดมเนสกา ( Padurea Domneasca )
ที่แห่งนี้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่ใหญ่ที่สุดของมอลโดวาเลยทีเดียว เพราะด้วยพื้นที่กว่า 6,032 เฮกเตอร์ ป่าไม้อันสวยงามแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ หมู่บ้านโคบานี ( Cobani ) และพรูเทนี ( Pruteni ) ที่แห่งนี้นอกจากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติแล้ว
ยังได้ใกล้ชิดกับสัตว์ป่ามากมาย ที่ใกล้สูญพันธุ์และหายาก ได้อาศัยอยู่ในเขตแห่งนี้ที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ในการเดินทางมาพักผ่อน เที่ยวชมธรรมชาติแห่งนี้ และวิถีชีวิตของผู้คนในหมู่บ้าน อันห่างไกลนี้นั้นเอง สถานที่ท่องเที่ยวในมอลโดวา ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมาก ที่มอบความรู้สึกประทับ ให้กับคุณอย่างแน่นอนเลยทีเดียว
ปัจจุบันมอลโดวาเป็นอย่างไร?
ปัจจุบันประเทศแห่งได้ ปกครองแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีที่มีชื่อว่า ไมอา ซานดู หลังจากได้ก่อตั้งประเทศและ มีรัฐธรรมนูธเป็นของตัวเอง และได้อิทธิพลจากแนวคิด ของสหภาพโซเวียตในอดีต
ที่ให้ปัจจุบันนั้นผู้นำมี ความใกล้ชิดกับทางฝั่งรัสเซีย ที่ถือว่าเป็นคู่ค้าขนาดใหญ่ ทางด้านยุโรปตะวันออกนั้นเอง นอกจากนี้ประเทศมอลโควา ยังถือว่าเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรป เพราะอัตราหนี้ต่างประเทศจำนวนมาก และอัตตราการว่างงานสูงอีกด้วย แต่ในตอนนี้เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว จากการส่งออกและการท่องเที่ยว ที่ช่วยให้ประเทศเล็กๆแห่งนี้ ได้ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งนั้นเอง
สรุปการท่องเที่ยวในมอลโดวาเป็นอย่างไร?
สถานที่ท่องเที่ยวในมอลโดวา เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติ ที่แวดล้อมไปทั่วทั้งประเทศนั้นเอง ด้วยแม่น้ำสายหลักของประเทศทั้งสองสาย ได้หล่อเลี้ยงผู้คนในประเทศมาอย่างยาวนาน รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ ของป่าไม้ในเขตอนุรักษ์ ที่ได้อนุรักษ์เหล่าสัตว์หายาก ที่ใกล้จะสูญพันธุ์หลากหลายชนิด นับว่าเป็นประเทศที่มี สถานที่ท่องเที่ยวเหมาะแก่การมาพักผ่อน
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เสียจริง จึงทำให้ มองว่า มอลโดวาเป็นประเทศหนึ่งที่ผ่านช่วงเวลา ในประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และความเป็นมาของเอกราช ที่ประเทศแห่งนี้ต้องใช้เวลานาน กว่าจะได้มาเอกราชและดินแดนของตัวเอง
ที่ในอดีตตกเป็นเมืองขึ้น ของประเทศอื่นๆอยู่บ่อยครั้งนั้นเอง ทำให้เราได้เห็นวัฒนธรรม ที่ผสมผสานกันของวัฒนธรรม ประเทศที่เคยปกครอง อันหลากหลายที่หล่อรวมกัน ส่งต่อมาถึงปัจจุบันนั้นเอง หากใครที่ชื่นชอบศึกษาประวัติศาสตร์ท่ามกลางธรรมชาติ และบรรยากาศที่แสนดีแล้วละก็ นับว่าไม่ควรพลาด