สะพานโกลเด้นเกท ที่จะต้องความรู้จักของที่มา และที่ไปของตัวสะพานแห่งนี้ ว่ามีจุดกำเนิดตั้งแต่เมื่อไหร่?
สะพานโกลเด้นเกท หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ในการเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้ เพราะที่แห่งนี้ มีความเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวอย่างมาก ในด้านของสีสรรและหน้าของ ตัวสะพานเอง แต่ก็อื่น เรามาทำความรู้จัก เกี่ยวกับเรื่องราว ของสะพานโกลเด้นเกท ที่นับว่าเป็นสะพานแขวน ที่มีความจำเพาะของตัวเอง ซึ่งใครที่ใช้เส้นทาง ในการเดินทางจาก ซานฟรานซิสโก ไปยัง
เมืองมารินเคาท์ตี้ ก็ต้องใช้บริการ เจ้าตัวสะพาน ตัวนี้อย่างแน่นอน เพราะที่นี่คือ สะพานแขวนขนาดใหญ่ ถึงขั้นข้ามผ่านแปซิฟิก กับ อ่าวซานฟรานซิสโก โดยตอนแรก ก่อนที่จะมีการก่อสร้าง หลายคนต่างคิดว่า คงไม่มีทาง
ที่สะพานตัวนี้ จะสำเร็จไปได้ เพราะด้วยความยาว ของตัวสะพานเองนั้น ก็มีความยาวอยู่ที่ 2042 เมตร พร้อมความสามารถ ในการทนทานต่อกระแสน้ำ พร้อมทั้งเจ้าตัวสะพานนี้ ยังสามารถทนกระแสลม ด้วยลักษณะเฉพาะที่มี
เพื่อเหมาะสมกับที่ตั้งของตัวสะพาน เพราะอยู่ที่ใจกลาง ของปากอ่าว และมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ และที่สำคัญกว่าที่จะก่อตั้ง หรือสร้างตัวสะพานนี้ได้ มีอุปสรรค ในการก่อสร้างมากมาย ที่ต้องรับมือให้ได้ ทั้งลมที่แรงมาก
และหมอกที่ปกคลุม แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อการอำนวยความสะดวก แก่การเดินทางและการใช้งาน ของสองฝั่งเมือง อย่างครอบคลุม
สะพานโกลเด้นเกท เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ เมืองซานฟรานซิสโกแห่งนี้ แท้จริงแล้วเป็นสีอะไรกันแน่?
สัญลักษณ์ที่โดดเด่น แบบไม่รู้ลืมของ เมืองซานฟรานซิสโก นับว่าเป็นฝันของ ใครหลายๆคน ที่ได้เข้ามายืนชมวิว นับว่าเป็น จุดชมวิวที่ดีที่สุดในซานฟราน แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ในจุดๆนี้เลย เพราะความสวยงามที่มีอย่างล้นหลาม
ในช่วงของพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกดินนั้น สามารถชมได้ง่ายๆที่สะพานแห่งนี้ ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก กับตัวสะพานแห่งนี้ว่าคืออะไร ทำไมต้องเป็นสีส้มแดง โดยส่วนแรก ที่เกี่ยวกับสะพานโกลเด้นเกท หลายคนอาจมองว่า
ตัวสะพานแห่งนี้ มีสีเป็นโทนสีแดง แต่บอกเลยว่า จริงๆแล้วตัว สะพานโกลเด้นเกทเป็นสีส้ม ที่มีชื่อเรียกว่า International orange ที่เขาเคลมกันว่าเป็นสีส้มจริงๆ แต่ตัวสีส้มนั้น จะออกไปทางส้มเข้ม จึงทำให้เรามองเห็น
ออกมาเป็นสีแดงเสียมากกว่า จึงไม่แปลกว่าเรามองเป็นสีแดง เพราะมีตัวปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย ในการที่จะทำให้ เรานั้นมองเป็นสีแดง ปัจจัยแรกคงไม่พ้นแสง ที่ตกกระทบมาที่ตัวสะพาน และปัจจัยต่อมาคือ การสะท้อนของแสง
เพราะฉะนั้น ถ้าใครมองว่า สะพานแห่งนี้เป็นสีแดง ก็ไม่แปลกอะไร แต่เราอยากให้คุณรู้ว่า แท้จริงแล้ว สีต้นกำเนิดของตัวสะพาน คือสีส้มจริงๆ และอีกหนึ่งสิ่ง ที่เลือกให้สะพายมีสีนี้ คือ ต้องการทำให้ตัวสะพานมีสีที่โดดเด่น
ตัดกับบรรยากาศรอบข้าง ที่เป็นทะเล และทิวทัศน์ของเมือง แกรนด์แคนยอน
สะพานโกลเด้นเกท นับว่าเป็นจุดศูนย์รวม ของนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนซานฟราน เลยหรือไม่?
เมื่อถามหา จุดที่นับว่าเป็น จุดศูนย์รวมการท่องเที่ยว ของเมืองซานฟรานนี้ คงไม่พ้นที่จะพูดถึงจุดนี้อย่างแน่นอน เพราะที่นี่นับว่าเป็นที่ ที่รวบรวมแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่ท่องเที่ยว เช่น คาเฟ่ต่างๆ จุดจอดรถบัส รวมไปถึง
ร้านขายของฝาก หรือ ร้านขายของที่ระลึก นั่นเอง โดยการเดินทางที่ใช้เวลา อยู่บนสะพานแห่งนี้ มีการใช้เวลาที่ไม่นานเลยละ เพราะระยะเวลาเพียงไม่ถึง 10 นาที ก็มาถึงจุดที่เป็นอีกฝั่ง ของตัวสะพานแล้ว ที่สำคัญมี จุดจอดรถบนสะพาน
ที่ยังมีผู้คนมากมาย เพื่อมา ชมวิวสะพานโกลเด้นเกท และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยสามารถพบ นักท่องเที่ยวหลากหลาย สัญชาติอย่างมาก ทั้งฝรั่ง ละติน เอเชีย ที่มีให้เราได้พบปะ พูดคุย สนทนาในการชมวิวนั้นอีกด้วย พร้อมทั้งบริเวณคอสะพาน
จะเป็นจุดให้บริการห้องน้ำ ที่มีป้ายบอกเล่า ที่ถึงตัวสะพาน และประวัติความเป็นมา ของการสร้างสะพานแแห่งนี้ ทำให้การท่องเที่ยว ที่ชมวิวครั้งนี้ เป็นการชมวิว ที่ได้รู้ถึงที่มา และที่ไปของตัวสะพาน แบบที่หาที่ไหนไม่ได้เลย
ถ้าหากคุณ เป็นหนึ่งคนที่ชอบ ท่องเที่ยวในด้านการชมวิว ตึกเอ็มไพร์สเตต และการเดินทาง เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่นี้ก็จะเป็นที่หนึ่ง ที่จะมอบความรู้สึกดีๆ ในการให้ความรู้ และความสวยงามของวิว ไม่แพ้ที่อื่นๆเลย
สะพานโกลเด้นเกทเป็นหนึ่งในสถานที่ ที่เหมาะแก่การปั่นจักรยานไม่น้อย จะเป็นเพราะเหตุใด?
อย่างเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ว่าสะพานโกลเด้นเกท มีความสวยงาม ด้วยสีของตัวสะพาน แถมยังตัดกับบรรยากาศรอบๆ ได้แบบลงตัวไม่น้อย ทำให้ใครที่ไปเยี่ยมเยียน ต่างรู้สึกถึงความประทับใจ ในความสวยงามของตัวสะพาน แต่แล้ว
มีหนึ่งสิ่งที่คอนักปั่นไม่ควรพลาด เพราะการปั่นจักรยาน ที่ไม่ธรรมดา แถมยังได้ชมวิว แบบเอิบอิ่ม ด้วยทิวทัศน์ของ ซานฟรานอีกด้วย เพราะบนสะพานโกลเด้นเกท และรอบพื้นที่แห่งนั้น ได้มีการจัดทำเลนจักรยาน ที่เป็นเลนจักรยานจริงๆ
ที่สามารถนำจักรยานไปปั่น เพื่อชมวิวของเมืองนี้ ได้แบบสบายๆ โดยที่คุณไม่ต้องภวงค์หน้า ภวงค์หลังเรื่องรถเลยละ เพราะมีการจัดการถนน ที่เป็นเลนจำเพาะกับจักรยานเท่านั้น ที่แม้แต่คนเข้าไปเดิมยังถูกบีบแตร จักรยานเพื่อของทาง
โดยการแบ่งสัดส่วนี้ มีอย่างชัดเจนมากๆ ในการที่จะทำให้อำนวยความสะดวก แก่ทุกฝ่ายมากที่สุด เพราะบนตัวสะพาน จะถูกแบ่งเป็นฝั่งคนเดิน และเลนจักรยาน เป็นสองฝากฝั่งอย่างชัดเจน ทำให้สิ่งนี้ถูกใจ และถูกคอนักปั่นไม่น้อยเลยละ
ถ้าใครเป็นหนึ่งในนักปั่น ที่อยากจะสัมผัสกับบรรยากาศดีๆ ไม่ควรที่จะพลาด ในการไปลองปั่นจักรยาน เมืองดีทรอยท์ เพื่อรับบรรยากาศที่ดีมากๆ แบบนั้นเลยละ และขอบอกเลยว่า ที่แห่งนี้ เป็นการ ปั่นจักรยานบนสะพานโกลเด้นเกท ที่ได้รับบรรยากาศ ที่ดีเป็นอันดับต้นๆเลยละ
ซานฟรานเมืองแห่งสายหมอก ที่ใครๆไปชม ตัวสะพานโกลเด้นเกท ต้องวัดดวงจริงหรือ?
หากการท่องเที่ยว ที่นับว่าเป็นการวัดดวง คงไม่พ้นสถานที่แห่งนี้เลย เพราะใครๆ ต่างก็บอก เป็นเสียงเดียวกันเลยว่าการมา เที่ยวซานฟราน เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยว ที่ต้องวัดดวงไม่น้อย เพราะที่แห่งนี้ นับว่าเป็น เมืองแห่งสายหมอก
หรืออาจจะมองได้ว่า หากสภาพอากาศเปลี่ยน ก็จะทำให้มีหมอกปกคลุมลงมา ทำให้บดบังทัศนียภาพ ของการท่องเที่ยวนั้นไปเลย ทำให้เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ซานฟรานเมืองแห่งสายหมอก การมาเที่ยวซานฟราน ต้องพึ่งพาดวงอย่างมาก
ว่าเราจะได้ชมเมือง ท่ามกลางสายหมอก เพราะมาคน ถึงขั้นข้ามน้ำข้ามทะเล มาเยือนเมืองแห่งนี้ เพื่อมาชม แลนมาร์คของซานฟราน อย่างสะพานโกลเด้นเกท ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ในการตัดกันของสี ที่ตัวสะพานตัด
กับของธรรมชาติ รอบข้างอย่างสิ้นเชิง ทำให้การมองเห็นตัวสะพาน ที่โดดเด่นมากกว่าสิ่งอื่นนั้น เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากๆ อีกทั้งการที่ใครมาเยือน สะพานแห่งนี้ และไม่มีหมอกลง บอกได้เลยว่า คุณเป็นหนึ่งในผู้โชคดี
ที่ได้เห็นตัวสะพานแบบเต็มตัว และเต็มรูปแบบ ที่ไม่น้อยไปกว่าสีสรรอื่นๆเลย แต่สิ่งที่หลายคนประสบปัญหา คือ การเห็นสะพานเพียงแค่ ครึ่งเดียวเท่านั้น เนื่องจากว่าถูกหมอกปกคลุมทั้งสิ้น ทำให้พลาดโอกาสที่จะ
ชื่นชมวิวทิวทัศน์ ของตัวสะพาน น้ำตกไนแองการ่า อย่างเต็มรูปแบบเลยล่ะ