ความเชื่ออเมริกาเหนือ ประเทศที่หลายคนได้ไปเที่ยว ก็ตกใจกับ ความเชื่อแปลกๆ เหล่านี้ใช่ไหม?

ความเชื่ออเมริกาเหนือ เมื่อหลายคนได้ไปสัมผัส หรือใช้ชีวิตในประเทศนั้นๆ ก็ล้วนได้ซึมซับวัฒนธรรม หรือความเชื่อของประเทศนั้นๆกลับมา แต่ครั้งนี้เป็นประเทศที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน ที่จะได้ไปสัมผัสหรือใช้ชีวิต เพราะนี้เป็นหนึ่งประเทศของ อเมริกาเหนือน่าเที่ยวในประเทศที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกนี้ หรือไปสัมผัสสิ่งที่เจริญทั้งตึก และการใช้ชีวิตต่างๆ เพราะประเทศนี้คือ

ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ U.S.A. นั่นเอง ที่มองลงไปในแผนที่แล้วประเทศนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ ทวีปอเมริกาเหนือ ที่ครอบครองไปถึงครึ่งหนึ่งของทวีป เพราะความใหญ่ของประเทศ และประกอบไปด้วยหลายรัฐ

แต่ตอนนี้เรามาทำความรู้จัก ความเชื่อของประเทศนี้กันเลยดีกว่า โดยเริ่มจากสิ่งแรก ที่เราไม่คิดว่าสิ่งนี้ หลายคนในประเทศกลับคิดว่ามันคือความเชื่อ เพราะสิ่งนี้คือ ความเชื่อเรื่องการจาม ด้วยความเชื่อของคนที่เชื่อเรื่องซาตาน

เขาเชื่อกันว่า เมื่อเราจามนั้น ทำให้บางสิ่งของโลกซาตานถูกเปิดออก ทำให้วิญญาณของเราและซาตาน สลับกันอยู่ได้ ซึ่งสิ่งนี้หมายถึงว่า ซาตานจะมาอยู่ในร่างเราได้ โดยสิ่งที่คนที่เขาเชื่อเรื่องนี้ เขาทำกันขณะจามคือ

การอุทานว่า God Bless You ที่มีความหมายว่า โปรดให้พระเจ้าคุ้มครอง เพื่อให้ร่างกายเรานั้น ปราศจากสิ่งชั่วร้ายไปได้

ความเชื่ออเมริกาเหนือ ได้ถูกเล่าผ่านการ์ตูนที่มีชื่อว่า CoCo ทำให้หลายคนรู้จัก ความเชื่อลึกลับ ผ่านเรื่องนี้จริงหรือไม่?

เมื่อประเทศนี้ มีความดึงดูดด้วยธรรมชาติอันแสนสวย เอกลักษณ์ของประเทศก็สะดุดตา ทำให้ใครหลายคน อยากไปสัมผัสด้วยตัวเอง และสิ่งที่สำคัญคือความเชื่อบางอย่าง ของคนในประเทศนี้ ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ อย่างเห็นได้ชัดเจน

อีกทั้งความใส่ใจของความเชื่อนี้อีกด้วย เริ่มอยากรู้กันแล้ว ใช่ไหมว่าความเชื่อนี้คืออะไร เกิดขึ้นที่ประเทศไหน แต่ขอใบ้ก่อนว่า ประเทศนี้เป็นหนึ่งใน ประเทศในอเมริกาเหนือ เพราะที่นี้คือ ประเทศเม็กซิโก ที่ให้สัมผัสของเมือง

มีทะเลล้อมรอบ แต่เมืองนี้ก็ยังคงมีความเชื่อ ที่ให้คนในประเทศได้พักพิง เพราะความเชื่อนี้ ความเชื่อเกี่ยวกับคนตาย เริ่มงงกันแล้วละสิ ว่าคนตายมาเกี่ยวข้องอะไรกับความเชื่อนี้ บอกก่อนเลยว่าความเชื่อ หรือประเพณีนี้

อยู่คู่กับเม็กซิโกมานาน และดังมากๆ จนมีค่ายการ์ตูนอย่าง Walt Disney นำมาสร้างเป็นเรื่องราว ให้คนทั่วโลกได้รู้จัก ซึ่งความเชื่อนี้มีชื่อว่า Day of the Dead (Día de los Muertos) ที่เป็นวันที่เชื่อกันว่าญาติผู้ใหญ่ ที่ล่วงลับไปแล้ว

จะกลับมาเยี่ยมลูกหลาน โดยคนที่มีชีวิตอยู่ ก็จะจัดเตรียมอาหาร และสิ่งของต่างไว้ รอต้อนรับ แถมยังประดับตกแต่ง ด้วยดอกดาวเรือง ที่มีสีส้มสดใส และสิ่งที่เป็นหัวใจหลักคือ เหล่าแท่นหรือโต๊ะ ที่จัดไว้ต้อนรับญาติผู้ใหญ่

ที่ล่วงลับไปแล้ว บอกเลยว่าความเชื่อนี้ เป็นความเชื่อหนึ่ง ที่น่าสนใจมากๆ และให้ความสำคัญ ของคนในครอบครัว แม้ว่าจะล่วงลับไปแล้ว เพราะแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ ซึ่งกันและกัน ที่จะไม่ลืมกัน

ความเชื่ออเมริกาเหนือ ที่ผลิกผันสู่วิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันโดดเด่น ของดินแดนAmazon ความเชื่อน่าทึ่ง นี้คืออะไร?

หากความเชื่อ ที่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาไปสู่วิถีชีวิต ของคนในประเทศ แสดงว่าความเชื่อนี้ มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องราวของความเชื่อ ที่บอกกันปากต่อปาก กลับทำให้เป็นเรื่องราว ที่มีสตอรี่ให้คนทั้งประเทศ

เห็นชอบที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และด้วยเหตุนี้ เราจะบอกถึงความเชื่อ ของประเทศที่มี ที่เที่ยวอเมริกาเหนือ ที่โด่งดังอย่างป่า Amazon และนี่คือ ความเชื่อประเทศบราซิล ที่ความเชื่อนี้ ถูกผันแปรเป็นวัฒนธรรม อันโด่งดังด้วย

ความเชื่อเทศกาลคาร์นิวัล ที่ถูกจัดขึ้นโดย ผู้คนที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก เพราะที่นี่เป็นที่อันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึง เมื่อเทศกาลนี้ใกล้เข้ามา เพราะการจัดเทศกาล คาร์นิวอลที่เมือง ริโอเดจาเนโร มีความเอกลักษณ์

ที่บ่งบอกถึง ความมีเสรีภาพ ของทุกคน ไม่ว่าคุณจะเพศไหน อายุเท่าไหร่ ล้วนได้แสดงออกถึงความคิดเห็น ในมุมมองของที่ตัวเองมี โดยไม่มีการเหยียดเพศ หรือสีผิวใดๆ เพราะเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อ ให้เกิดความสามัคคี โดยสิ่งที่เรา

จะพบเห็น ได้เป็นทั่วไปของเทศกาลนี้คือ การแสดงออกทางความคิดด้านการเมือง การศิลปะที่ที่บ่งบอกความเป้นตัวตน และมุมมองที่คุณคิด บอกเลยว่าความเชื่อนี้ ดีต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์มากๆ เพราะให้คนเราเรียนรู้สิทธิและเสรีภาพ

เทศกาลที่ใครๆต่างรู้จัก แต่กลับมาด้วย ความเชื่อของประเทศกัวเตมาลา จะเป็นอย่างไรกันแน่?

ความเชื่อที่ต่างคน ต่างมีเป็นของตัวเอง และแต่ละประเทศ ก็มีความเชื่อแตกต่างกันไป เพราะเรื่องราวความเชื่อ ของหนึ่งในประเทศ ของทวีปอเมริกาเหนือ ที่พูดได้เต็มปากเลยว่า เป็นหนึ่งใน วัฒนธรรมอเมริกาเหนือ ที่ให้

ความรู้สึกแปลกใหม่ เพราะการเฉลิมฉลอง ของเทศกาลหนึ่ง ได้มุมมองที่เปลี่ยนไป ซึ่งความเชื่อนี้เป็นของ ประเทศกัวเตมาลา ที่เมื่อใกล้สิ้นปี ต้องมีเทศกาลหนึ่ง ต่างก้รู้จักกันดี เทศกาลนี้คือ เทศกาลวันคริสต์มาส ที่เป็นเทศกาล

ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น กินข้าวกันพร้อมหน้า และยังอยู่กันครบทุกคนในครอบครัว แต่ในประเทศกัวเตมาลากลับมี ความเชื่อในวันคริสมาสต์ เช่นกัน เพราะเขาเชื่อกันว่าสิ่งนี้คือ การเฉลิมฉลองของวันคริสมาสต์ โดยชาวกัวเตมาลาจะมี

ความเชื่อการเผาหุ่นกระดาษ ที่ได้สมมติว่าเป็น ซาตาน หรือสิ่งชั่วร้าย เพราะความเชื่อที่ว่าเผาสิ่งนี้ สิ่งเหล่านี้จะหายไปจากบ้านเมือง ทั้งความโชคร้าย ภูตผีปีาจ ให้ออกไป เมื่อสิ่งร้ายๆได้ออกไป ก็จะต้อนรับเรื่องราวดีๆ

หรือสิ่งดีเข้ามา ที่มาพร้อมกับวันคริสต์มาส ที่พระเจ้าจะให้พร และมอบสิ่งดีดี ตลอดปีใหม่ที่ใกล้จะถึง ซึ่งมาเป็นมุมมองที่แปลกใหม่ ที่ให้เราได้สัมผัส เพราะโดยปกติแล้ว เราจะจุดพลุ เลี้ยงฉลอง หรือสังสรรค์ เพื่อต้อนรับปีใหม่

โดยส่วนใหญ่ จะออกไปในแนวปาร์ตี้มากกว่า ขอยอมรับเลยว่า ความเชื่อของชาวกัวเตมาลานี้ เป็นความเชื่อที่น่าสนใจมากๆ เพราะเป็นความเชื่อ ที่ให้คุณค่าทางจิตใจมากๆ และเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจ กับผู้คนที่กำลังหมดไฟ หรือท้อแท้กับชีวิตของเขา 

เรื่องราวของ ความเชื่อประเทศปานามา ที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ได้ขนาดไหน? 

ประเทศแห่งนี้ โด่งดังอย่างมาก ในเมื่อไม่นานมานี้ เพราะมาเป็นเรื่องราวของชื่อเพลง ที่ให้คนทั่วโลกได้สัมผัส แต่สิ่งที่เราจะมาบอกกว่า เกี่ยวกับประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่าง อเมริกาเหนือกับใต้ ที่มีความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์

ในส่วนของคอคอดปานามา ที่เป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทร โดยมหาสมุทรที่ได้เชื่อมหากัน ณ ที่ประเทศแห่งนี้คือ มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรแอตแลนติก เพียงแค่นี้ก็เห็นแล้วว่า ประเทศนี้มีพื้นที่ที่ติด ใกล้ชายฝั่งทะเล

โดยประเทศนี้คือ ประเทศปานามา ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อนี้ ที่ชาวปานามาได้เรียนรู้ มาจากบรรพบุรุษ คือสิ่งที่ชาวปานามา ที่เป็นชาวประมงได้พบ ในบริเวณชายฝั่ง จนชาวบ้านต่างลือกันว่า เป็นสิ่งที่พระเจ้าส่งมา เพราะเป็นสิ่งที่

แปลกตามาก เพราะเป็นรูปปั้นของพระเยซู ที่มีรูปร่างของพระองค์เป็นสีดำ ทำให้เป็นที่แปลกใจของชาวประมง ในช่วงเวลานั้นมากๆ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ ความเชื่อที่มีต่อคริสต์ศาสนา ก็ได้เปี่ยมล้นต่อพระเยซูมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ ที่มีสิ่งมหัศจรรย์ได้ปรากฎ ทำให้ชาวปานามา ได้มีวันเฉลิมฉลองของการปรากฎครั้งนี้ หากใครสนใจจะไปชมเทศกาลนี้ ด้วยตัวของท่านเอง ต้องมาเยือนปานามาช่วงเดือนตุลาคม ตั้งแต่สัปดาห์ที่สองของเดือนนี้

บอกเลยไม่ควรพลาดในลิสต์ ที่จะไปเห็นความเชื่อนี้ ด้วยตัวคุณเอง

ประเทศในอเมริกาเหนือ